ปัจจุบันได้มีเมนูขนมหวานต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโทสต์ ชานมไข่มุก ชีสเค้ก หรือแม้แต่ขนมครกใบเตย ล้วนเป็นขนมที่ได้รับความนิยม ด้วยรสชาติหวานอร่อย คงทำให้หลาย ๆ คนยากที่จะหยุดกินและจะต้องอยากกลับมากินซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วมีใครเคยสงสัยบ้างไหม ว่าถ้าเรากินเยอะ ๆ นอกจากที่เราจะอ้วนจะมีผลอะไรอีก และถ้าอยากจะแก้การเสพติดรสหวานควรทำยังไง
ชีวิตติดหวาน อันตราย ขนาดไหน?
รสหวาน คงเป็นที่ชื่นชอบของใครหลาย ๆ คน แต่จะมีกี่คนที่รู้ถึงปริมาณน้ำตาลที่กินจากเมนูขนมต่าง ๆ และผลเสียที่จะเกิดขึ้น ลองมาดูผลที่จะเกิดถ้าเราติดหวานกัน
1. น้ำหนักพุ่งไขมันเพียบเพราะกินน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา
น้ำตาลในอาหารหรือเครื่องดื่มบางชนิด มีอยู่ในปริมาณที่เยอะมากเมื่อเทียบกับปริมาณทั้งหมด ทำให้กินได้เรื่อย ๆ โดยน้ำตาล 1 ช้อนชาให้พลังงานถึง 16 กิโลแคลอรี จึงทำให้ร่างกายได้รับพลังงานส่วนเกินมาก และร่างกายจะนำไปเก็บในรูปแบบของไขมันส่วนเกินนั่นเอง จึงนำไปสู่การเกิดโรคอ้วนในที่สุด
2. หน้าไม่เรียบเนียนเป็นสิวผดและริ้วรอยเพราะ IGF-1 และ AGEs
เมื่อกินของหวาน ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ร่างกายก็จะหลั่งอินซูลินออกมาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แต่เมื่ออินซูลินสูงขึ้นจะไปกระตุ้นทำให้ insulin-like growth factor-1 (IGF-1) มากขึ้น ซึ่งสารตัวนี้จะอาจทำให้ผิวหนังหนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้มีการอุดตันของไขมันใต้ผิวหนังแล้วนำไปสู่การเกิดสิวในที่สุด และน้ำตาลที่กินเข้าไปจะทำให้เกิดปฏิกิริยา ไกลเคชั่น (Glycation) ระหว่างน้ำตาลและโปรตีน แล้วทำให้เกิดสารที่มีชื่อว่า Advanced Glycation End-Products (AGEs) ซึ่งเป็นสารที่จะไปทำลายชั้นคอลลาเจนและโปรตีนใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นจุดด่างดำและริ้วรอยไวกว่าปกติ
3. สมองผิดปกติเพราะการหลั่งอินซูลินมากเกินไป
เพราะว่าปกติแล้วร่างกายของเราเมื่อกินน้ำตาลเข้าไปจะมีการปล่อยอินซูลินออกมาเพื่อขนส่งน้ำตาล และจะมีสาร Insulin-degrading enzyme (IDE) ที่จะคอยกำจัดอินซูลินส่วนเกินอีกทั้งกำจัดสาร แอมีลอยด์ บีตา (Amyloid beta) ที่ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อม ดังนั้นถ้าเรากินน้ำตาลมาก ๆ ก็จะมีอินซูลินหลั่งมากขึ้นและ IDE ก็จะต้องทำลายอินซูลินส่วนเกินที่ออกมา ทำให้ไม่เพียงพอต่อการไปทำลายสาร แอมีลอยด์ บีตา ทำให้เกิดการสะสมที่สมองมากขึ้นและเกิดโรคสมองเสื่อมในที่สุด
4. สะสมน้ำตาลที่เกินไปเป็นไขมันที่ตับ
เพราะการกินน้ำตาลในปริมาณมากจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ตับเลยนำน้ำตาลเหล่านั้นมาสร้างเป็นไขมันสำหรับเป็นพลังงานสำรอง แต่ถ้าเรายังกินน้ำตาลเยอะและมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงอยู่ ก็จะส่งผลให้มีไขมันที่ตับมากขึ้นจนเกิดเป็นไขมันพอกตับนั่นเอง
เคล็ด(ไม่)ลับลดติดหวาน
1. กินผลไม้แทนขนมดีไหม
กินผลไม้ในประมาณที่เหมาะสม เพราะผลไม้มีประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหาร แต่ยังมีรสชาติหวานอร่อยและมีน้ำตาลน้อยกว่าขนมหวานบางชิ้น
2. ปรุงน้อยลงหน่อยลดน้ำตาลที่จะเกิน
ลดการปรุงรสในอาหารเพื่อให้ได้รับปริมาณน้ำตาลที่น้อยลง และไม่ให้ร่างกายได้รับพลังงานส่วนเกินมากไป
3. อ่านฉลากสักนิดว่าน้ำตาลเยอะหรือเปล่า
วิธีดูปริมาณน้ำตาลที่จะได้รับจากการกินขนม เพื่อเลี่ยงขนมที่มีน้ำตาลมากเกินไป คือการดูที่ฉลากของขนม เพื่อใช้ตัดสินใจในการเลือกกินขนมที่มีน้ำตาลน้อยกว่านั่นเอง
4. ลดหวานวันละนิดให้ไม่เกิน 6 ช้อนชา
เพื่อไม่ให้รู้สึกยากหรือทรมานเกินไป ลองลดความหวานลงวันละนิด เพื่อให้ร่างกายเริ่มชินไปเรื่อย ๆ จนลดการติดหวานได้ โดยคุมปริมาณน้ำตาลที่ได้รับจากอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ ในแต่ละวันไม่ให้เกิน 6 ช้อนชา หรือประมาณ 24 กรัม
จะเห็นว่าการติดหวานส่งผลเสียต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักเพิ่ม หน้าตาไม่เรียบเนียนจากสิวผดและริ้วรอย สมองเสื่อม หรือไขมันพอกตับ ดังนั้น เราควรลดปริมาณน้ำตาลที่กินในแต่ละวันโดยอาจจะเริ่มลดทีละช้า ๆ เพื่อให้เกิดความเคยชินและติดเป็นนิสัย โดยคุมไม่ให้กินน้ำตาลเกินวันละ 6 ช้อนชา เพียงเท่านี้เราก็จะแก้นิสัยติดหวานได้และจะได้มีร่างกายที่แข็งแรง ห่างไกลจากความเสี่ยงของการแก่ก่อนวัย โรคอ้วน หรือโรคอื่น ๆ ที่จะตามมาในอนาคต
AIA HB EXTRA | สัญญาเพิ่มเติมกลุ่มชดเชยรายได้ |
---|---|
ระยะเวลาความคุ้มครอง | สูงสุดถึงอายุ 80 ปี |
อายุผู้ขอเอาประกันภัย | 1 เดือน – 70 ปี |
ช่องทางการขาย | ตัวแทน |
• ค่าชดเชยรายวันเมื่อเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ กรณีเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาล รวมกรณี Day Case
• กรณีนอนรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในห้องผู้ป่วยหนัก (ICU) รับเงินชดเชยรายวันเพิ่มเป็น 3 เท่า ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
• ค่าชดเชย 5 เท่า** ของจำนวนเงินเอาประกันภัย กรณีเข้ารับการผ่าตัด โดยการวางยาสลบหรือฉีดยาชาเข้าไขสันหลัง โดยวิสัญญีแพทย์
• ค่าชดเชย 25 เท่า* ของจำนวนเงินเอาประกันภัย กรณีเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน เนื่องจากโรคร้ายแรงเฉียบพลัน 13 โรค*
• ค่าใช้จ่ายหมวดยากลับบ้าน 1 เท่าของจำนวนเงินเอาประกันภัย หลังการเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาล รวมกรณี Day Case ในกรณีที่มีค่าใช้จ่ายหมวดยากลับบ้าน
• ค่าชดเชย 10 เท่าของจำนวนเงินเอาประกันภัย กรณีเสียชีวิต
• รับสิทธิสมาชิกโครงการ AIA Vitality เพื่อรับส่วนลดเบี้ยประกันภัยสุขภาพสูงสุด 15% และสิทธิประโยชน์มากมาย รายละเอียดเพิ่มเติม
ผู้ป่วยใน หมายถึงอะไร
ผู้ที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง ซึ่งต้องลงทะเบียนเป็นผู้ป่วยใน โดยได้รับการวินิจฉัย และคำแนะนำจากแพทย์ตามข้อบ่งชี้ ซึ่งเป็นมาตรฐานทางการแพทย์ และในระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการรักษาการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยนั้นๆ และให้รวมถึงกรณีรับตัวให้เป็นผู้ป่วยในแล้วต่อมาเสียชีวิตก่อนครบ 6 ชั่วโมง
โรคร้ายแรงเฉียบพลัน 13 โรค* ของสัญญาเพิ่มเติม AIA HB EXTRA
1. กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด
2. โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน
3. การผ่าตัดเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ
4. การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะหรือปลูกถ่ายไขกระดูก
5. โรคไวรัสตับอักเสบขั้นรุนแรง
6. โรคเยื่อหุ้มสมองและไขสันหลังอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
7. แผลไหม้ฉกรรจ์
8. ภาวะโคม่า
9.สมองอักเสบจากเชื้อไวรัส
10.การผ่าตัดลิ้นหัวใจโดยวิธีการเปิดหัวใจ
11.การบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง
12.การผ่าตัดเส้นเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้า
13.โรคคาวาซากิที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนของหัวใจ
• สามารถแนบท้ายสัญญาเพิ่มเติมได้ตามอายุรับประกันภัยของสัญญาเพิ่มเติมนั้นๆ หรือจนถึงกำหนดสัญญาของกรมธรรม์ประกันภัยหลัก (แล้วแต่เวลาใดถึงก่อน)
• การตรวจสุขภาพและการพิจารณารับประกันภัยให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด
• สัญญาเพิ่มเติมเป็นสัญญาประกันภัยที่มีระยะเวลาเอาประกันภัย 1 ปี ซึ่งอาจต่ออายุได้
• บริษัทสงวนสิทธิ์ในการปรับเบี้ยประกันภัยในรอบปีกรมธรรม์ อันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ ขั้นอาชีพ ประสบการณ์การจ่ายสินไหมทดแทนของบริษัท เป็นต้น สำหรับสัญญาเพิ่มเติมกลุ่มค่ารักษาพยาบาล อาจมีปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น อัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์และค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น โดยได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียน
• ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการนำเสนอเท่านั้น ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
• ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์
• เบี้ยประกันภัยของสัญญาเพิ่มเติมนี้ ไม่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เนื่องจากความคุ้มครองไม่เข้าเงื่อนไขของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้
• ผู้ขอเอาประกันภัยมีหน้าที่แถลงข้อความจริงในการขอเอาประกันภัย การปกปิดข้อความจริงหรือแถลงข้อความเป็นเท็จใดๆ อาจะเป็นเหตุให้บริษัทผู้รับประกันภัยบอกล้างสัญญาประกันภัยและปฏิเสธไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทนตามสัญญา
*ตามคำนิยามของสัญญาเพิ่มเติม AIA HB EXTRA โดยบริษัทจะจ่ายผลประโยชน์นี้เพียงหนึ่งครั้งไม่ว่าจะเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงเฉียบพลันกี่โรคก็ตาม ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง และบริษัทจะไม่จ่ายผลประโยชน์นี้ในกรณีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลครั้งต่อๆ ไป เนื่องจากภาวะแทรกซ้อน หรือภาวะสืบเนื่องที่เกิดจากโรคเดียวกัน
**ได้รับการผ่าตัดโดยวางยาสลบ (Anesthesia) หรือฉีดยาชาเข้าไขสันหลัง (Spinal Anesthesia) โดยบริษัทจะจ่ายผลประโยชน์นี้เพียงหนึ่งครั้ง ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง