ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษี คำว่าลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงไม่ได้แปลว่าซื้อเท่าไรได้ลดเท่านั้น⚠️เพราะ “เราไม่ได้นำจำนวนเบี้ยฯ ที่จ่ายจริง มาหักลบกับภาษีที่ต้องจ่าย” แต่เป็นการนำ “เบี้ยฯ ที่จ่ายจริง มาหักลบกับเงินได้” ก่อนจะนำมาคำนวณภาษีครับ
ยกตัวอย่างเช่น หากการคำนวณภาษีก่อนทำประกัน เราต้องเสียภาษี 30,000 บาท แล้วเราทำประกันสะสมทรัพย์ไว้ 30,000 บาท ไม่ได้แปลว่าเราจะเอาไปลบออกจากภาษีแล้วเหลือ 0 บาทครับ แต่เบี้ยฯ รายปี 30,000 บาทที่เราจ่ายไปนี้ เวลาลดหย่อนจะเอาไปหักลบกับรายได้ทั้งปีของเราก่อน เพื่อหา “เงินได้สุทธิ” จากนั้นค่อยนำไปคำนวณว่ามีภาษีที่ต้องจ่ายตามอัตราภาษีขั้นบันไดครับ โดยอัตราฐานภาษีตั้งแต่มีตั้งแต่ 5-35% ขึ้นอยู่กับตัวเลขเงินได้สุทธิของแต่ละคนครับ
ตรงนี้หากใครงงว่าสุดท้ายแล้วซื้อประกันจะประหยัดภาษีไปได้เท่าไร แอดมินมีสูตรลัดให้เข้าใจง่ายๆ ครับ โดยเอา “เบี้ยฯ ที่จ่ายจริงทั้งปี X อัตราฐานภาษีของเรา” ก็จะได้จำนวนที่เราประหยัดภาษีไปครับ
เช่น สมมติซื้อประกันสะสมทรัพย์โดยจ่ายเบี้ยฯ ปีละ 30,000 บาท
หากเราอยู่ฐานภาษี 10% ก็จะประหยัดไป 3,000 บาท (30,000x10%)
หากอยู่ฐานภาษี 15% ก็จะประหยัดไป 4,500 บาทครับ (30,000x15%)
หากอยู่ฐานภาษี 20% ก็จะประหยัดไป 6,000 บาทครับ (30,000x15%)
ดังนั้น จะประหยัดภาษีเท่าไรขึ้นอยู่กับว่ารายได้เราอยู่ในขั้นฐานภาษีที่เท่าไร และเราซื้อประกันไปเท่าไร โดยยิ่งมีฐานภาษีสูงก็จะลดหย่อนได้มากขึ้น และเมื่อมีเบี้ยประกันรวมมากขึ้นก็จะลดภาษีได้มากขึ้น หากอยากประหยัดภาษีมากขึ้นก็สามารถซื้อประกันเพิ่มอีกได้ครับ ทั้งนี้จำนวนเบี้ยประกันที่นำไปหักลดหย่อนภาษีได้จะต้องไม่เกินเกณฑ์ที่สรรพากรกำหนดให้สำหรับการซื้อประกันแต่ละประเภท
ประกันแต่ละประเภทลดหย่อนภาษีได้เท่าไร
👉ประกันชีวิต, ประกันสะสมทรัพย์ ลดหย่อนได้ตามเบี้ยฯ ที่จ่ายจริง สูงสุดที่ 100,000 บาท
👉ประกันสุขภาพ, ประกันโรคร้ายแรง
• แบบซื้อให้ตัวเอง ลดหย่อนภาษีได้ตามเบี้ยฯ ที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท โดยเมื่อรวมกับประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท
• แบบซื้อให้พ่อแม่ของตัวเองหรือพ่อแม่ของคู่สมรส สามารถนำมาลดหย่อนได้ตามเบี้ยฯ ที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท โดยบิดาและมารดาจะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปีด้วย
👉ประกันบำนาญ ลดหย่อนได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ถ้าไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป สามารถลดหย่อนได้รวมสูงสุดถึง 300,000 บาท ทั้งนี้เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ครูว่าด้วยโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
ตัวเลือกมากมาย แล้วจะเลือกทำประกันตัวไหนลดหย่อนภาษีดี?
ต้องบอกว่า แนะนำว่าใหพิจารณาจากความคุ้มครองเป็นหลักครับ ส่วนเรื่องภาษีให้มองเป็นผลประโยชน์ที่ได้เป็นของแถมเพิ่มเติม เพราะหากเรามองประโยชน์ด้านภาษีเป็นหลัก อาจทำให้เราขาดความคุ้มครองที่จำเป็นได้ครับ
👉หากมีครอบครัวต้องดูแล ควรเลือกทำประกันชีวิต
👉หากเน้นคุ้ม สะสมเงินก้อนพร้อมลดหย่อนภาษี ควรเลือกทำประกันสะสมทรัพย์
👉หากความคุ้มครองสุขภาพยังไม่เพียงพอ เลือกทำประกันสุขภาพ/ประกันโรคร้ายแรง
👉หากกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ ควรเลือกทำประกันบำนาญ
แต่ถ้าให้แอดมินแนะนำ สำหรับคนทำงาน เริ่มต้นง่ายๆ ควรมีประกันสะสมทรัพย์ เช่น AIA Endowment 15/25 เพราะเป็นตัวช่วยการออมในรูปแบบประกัน สามารถวางแผนง่ายตามงบที่มี และมีเพดานลดหย่อนภาษีสูงครับ ส่วนสำหรับใครที่ยังไม่มีประกันสุขภาพก็แนะนำให้ทำประกันสุขภาพเพิ่มเติมครับ เช่น AIA Health Happy เพราะประกันสุขภาพเป็นของที่ต้องมีสำหรับยุคนี้จริงๆ เพื่อไว้สู้กับค่ารักษาแสนแพง แม้อาจลดหย่อนภาษีได้ไม่มากเท่าประกันชนิดอื่น แต่สามารถลดภาระค่ารักษาที่อาจสูงกว่าค่าภาษีได้มากครับ สุดท้ายอย่าลืมว่า เลือกประกันลดหย่อนภาษีต้องดูที่ความคุ้มครองเป็นหลัก เพื่อได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทำประกันคือได้ทั้งความคุ้มครองที่ตรงจุดและได้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีครับ
สนใจทำประกันเพื่อลดหย่อนภาษี สามารถขอคำปรึกษากับตัวแทนหรือดูรายละเอียดแบบประกันที่แนะนำเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์นี้เลยครับ👉 ภาษีSeason ลดหย่อนด่วน ได้เงินคืน | AIA Thailand