5 เคล็ดลับ Work-Life Balance

1.วางแผนวันหยุดล่วงหน้า พร้อมจัดตารางงาน

เริ่มจากการกำหนดวันหยุดที่แน่นอน เช่น หยุดปีใหม่ หยุดชดเชย หรือวันลาพักร้อน จากนั้นไล่ย้อนกลับมาดูว่า

• งานอะไรต้องเสร็จก่อนวันไหน
• มีเดดไลน์อะไรที่ชนกับวันหยุดหรือไม่
• งานไหนสามารถเลื่อนหรือมอบหมายได้

การวางแผนแบบนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวม และจัดลำดับความสำคัญของงานได้ชัดเจนขึ้น

2. เคลียร์งานค้างสะสมก่อนเริ่มโปรเจกต์ใหม่

ช่วงปลายปีมักมีงานค้างที่ถูกเลื่อนมาตลอด เช่น รายงานประจำปี, การอัปเดตข้อมูล, หรือการสรุปผล KPI
ก่อนจะเริ่มโปรเจกต์ใหม่ ลองลิสต์งานค้างทั้งหมดออกมา แล้วจัดการให้จบทีละเรื่อง จะช่วยลดความเครียดและทำให้คุณรู้สึก “โล่ง” ก่อนหยุดยาว

3. บริหารเวลาจัดการงานให้มีประสิทธิภาพ

เทคนิค “Time Blocking” คือ การแบ่งเวลาในแต่ละวันเป็นบล็อก ๆ สำหรับงานแต่ละประเภท เช่น

• 9:00–10:00: ตอบอีเมล
• 9:00–11:00: เคลียร์งานสำคัญเร่งด่วน
• 13:00–15:00: ทำงานที่ต้องใช้สมาธิ
• 16:00–17:00: ประชุม / สรุปงาน

การทำ Time Blocking อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การจัดเวลาแบบนี้ช่วยลดการสลับงานไปมา (context switching) และทำให้คุณโฟกัสได้ดีขึ้นในแต่ละช่วง ช่วยสร้างสมดุลชีวิตในแต่ละวันได้ดีขึ้น และทำให้สามารถทำงานเคลียร์งานก่อนหยุดยาวได้ตรงตามเดดไลน์ที่กำหนด

 4. ขีดเส้นแบ่ง สื่อสารกับทีมให้ชัดเจนเรื่องวันหยุดและความคาดหวัง

แจ้งทีมล่วงหน้าว่าคุณจะหยุดวันไหน และมีงานอะไรที่ต้องส่งก่อนวันหยุด เพื่อให้ทุกคนวางแผนร่วมกันได้
หากคุณเป็นหัวหน้าทีม อาจต้องวางแผนกระจายงานให้สมดุล เพื่อไม่ให้ใครต้องทำงานหนักเกินไปช่วงปลายปี

5. วางแผน “พักผ่อน” ให้เป็นเรื่องจริงจัง

Work-Life Balance ไม่ได้แปลว่าแค่ “ทำงานให้เสร็จ” แต่ต้องมี “เวลาพัก” อย่างมีคุณภาพด้วย
ลองวางแผนกิจกรรมที่ช่วยให้คุณได้ฮีลใจ เช่น

• ไปเที่ยวสัมผัสธรรมชาติ
• อ่านหนังสือ
• ทำอาหาร
• ออกกำลังกายเบา ๆ
• หรือแค่ปิดมือถือ (social detox) แล้วนอนให้เต็มอิ่ม ให้เวลากับตัวเอง

การพักผ่อนที่ดีจะช่วยให้คุณกลับมาทำงานปีหน้าได้อย่างมีพลัง
 

เสริมสุขภาพจิตและร่างกายให้พร้อมรับปีใหม่

การจัดสมดุลชีวิตไม่ใช่แค่เรื่องงาน แต่รวมถึงการดูแลสุขภาพกายและใจด้วย
ปลายปีเป็นช่วงที่หลายคนเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า สะสมความเครียดจากทั้งปี การพักผ่อนอย่างมีคุณภาพควรควบคู่กับการดูแลสุขภาพ เช่น

• ตรวจสุขภาพประจำปี
• ปรับพฤติกรรมการกิน
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
• นอนหลับให้เพียงพอ

แม้ว่าเราจะวางแผนชีวิตและการทำงานดีแค่ไหน แต่ “สุขภาพ” ก็ยังเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
โรคร้ายแรงก็เหมือนกัน เช่น มะเร็ง หัวใจ หรือหลอดเลือดสมอง มักมาแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งยังมาพร้อมกับค่ารักษาพยาบาลที่สูง ซึ่งนอกจากจะดูแลตัวเองให้ห่างไกลโรค การมีประกันโรคร้ายแรง เช่น เอไอเอ มัลติเพย์ ซีไอ พลัส (AIA Multi-Pay CI Plus) จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีการวางแผนชีวิตที่รอบด้าน  ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษา หมดกังวลเรื่องขาดรายได้หากต้องหยุดงานเพื่อรักษาตัว ประกันโรคร้ายแรงจะช่วยเสริมความมั่นใจให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ มีเงินก้อนไว้รองรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ