ทานอาหารให้ได้พลังงานเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ หลีกเลี่ยงการอดอาหารจนหิวโซ หรือการทานมากเกินไป เพราะจะทำให้ระบบเผาผลาญแปรปรวนได้
การเผาผลาญ (Metabolism) คือการเปลี่ยนอาหารที่เราทานเข้าไป ให้อยู่ในรูปของเชื้อเพลิงพลังงาน เพื่อนำมาใช้ในกระบวนการต่าง ๆ เช่น การหายใจ การทำงานของอวัยวะภายใน การเคลื่อนไหวร่างกาย การสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก เป็นต้น การเผาผลาญเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นในเซลล์ต่าง ๆ และสำคัญต่อการดำรงชีวิต การเผาผลาญยังแบ่งได้เป็น 2 กระบวนการ ได้แก่ การสลาย หรือแคแทบอลิซึม (Catabolism) เป็นการสลายสารอินทรีย์ เช่น น้ำตาลกลูโคส ให้เป็นพลังงาน และการสร้าง หรือแอแนบอลิซึม (Anabolism) เป็นการใช้พลังงานที่ได้ในการสร้างส่วนประกอบของเซลล์ เช่น โปรตีน, DNA และ RNA ซึ่งกระบวนการทั้งสองจะเกิดควบคู่กันไปอย่างสมดุลการเผาผลาญสารอาหารแต่ละชนิดสารอาหาร ซึ่งได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่และวิตามิน จะผ่านกระบวนการที่แตกต่างกัน ในการสลายและนำมาใช้ในร่างกาย
ทำอย่างไรให้การเผาผลาญเป็นปกติ
พลังงานจำนวนเท่าไหร่ จึงเพียงพอต่อร่างกาย
กำหนดสัดส่วนของอาหารให้เหมาะสม โดยร่างกายควรรับพลังงาน 40-50% จากคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว แป้ง อีก 40-50% ให้ทานโปรตีนและผักผลไม้ และทานไขมันไม่เกิน 10% ของพลังงานทั้งหมด หากต้องการจะลดน้ำหนัก ควรเปลี่ยนมาทานข้าวและแป้งไม่ขัดสี ทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และดื่มน้ำมาก ๆ ไม่ควรใช้วิธีอดอาหารเด็ดขาด เพราะจะมีผลเสียต่อร่างกายตามมา
ระบบเผาผลาญพัง จนเป็น "Yoyo Effect"
หากลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารมาเป็นเวลานาน จนระบบเผาผลาญพังไปแล้ว การกลับมาทานปกติโดยทันทีจะทำให้อ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างที่เรียกว่า “Yoyo effect” ดังนั้น ควรเริ่มปรับโดยการทานอาหารเพิ่มขึ้นทีละนิด ในสัดส่วนสารอาหารที่เหมาะสม ออกกำลังกายเป็นประจำ ประมาณ 120-150 นาที/สัปดาห์ เพื่อเพิ่มอัตราการสลายไขมันในร่างกาย ลองนำเอาข้อมูลตรงนี้ไปปรับใช้เพื่อปรับปรุงระบบเผาผลาญของคุณและผลลัพธ์ที่ดีต่อร่างกาย