เมื่อเด็ก ๆ เผชิญกับความสูญเสีย เช่น การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักหรือสัตว์เลี้ยง สิ่งเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและการใช้ชีวิตของพวกเขาเป็นอย่างมาก การดูแลจิตใจของเด็ก ๆ ในช่วงเวลาเหล่านี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งผู้ใหญ่อย่างเราสามารถช่วยเหลือเด็ก ๆ ได้ผ่านแนวทางต่าง ๆ เพื่อให้เด็กเข้าใจและเยียวยาตนเองได้ด้วยแนวทาง ดังนี้
1. สร้างพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงออกทางอารมณ์
ให้เด็ก ๆ มีโอกาสแสดงอารมณ์และความรู้สึกออกมาได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นความเศร้า เสียใจ หรือร้องไห้ เราควรยอมรับทุกอารมณ์ของพวกเขา เพื่อให้เด็ก ๆ รู้สึกปลอดภัยที่จะถ่ายทอดความรู้สึกเหล่านั้นออกมาโดยไม่ถูกตำหนิ
2. เคียงข้างและรับฟัง
การรับฟังเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลจิตใจเด็ก ๆ ผู้ใหญ่ควรนั่งลงในระดับสายตาของเด็ก ๆ พูดคุยปลอบประโลม สบตา และใช้วิธีการทวนและสะท้อนสิ่งที่เด็ก ๆ เล่า เพื่อให้พวกเขารู้ว่าคุณเข้าใจสิ่งที่พวกเขารู้สึก
3. อธิบายเหตุการณ์ตามความเหมาะสมของช่วงวัย
การอธิบายเรื่องความสูญเสียควรปรับตามวัยและความเข้าใจของเด็ก:
วัยทารก: แม้ยังไม่เข้าใจภาษา แต่การอุ้ม กอด และการสัมผัสที่อ่อนโยนจะช่วยสร้างความสบายใจให้กับเด็กได้
เด็กเล็ก: ใช้ภาษาที่เป็นรูปธรรม หรือนิทานในเชิงเปรียบเทียบชีวิตกับสิ่งที่เด็กๆ คุ้นเคยเพื่ออธิบายเรื่องความตาย หลีกเลี่ยงคำว่า “หลับ” เพราะอาจทำให้เด็ก ๆ เข้าใจผิดและกลัวการนอนหลับ
เด็กวัยเรียนและวัยรุ่น: เด็กในวัยนี้มักมีคำถามเกี่ยวกับการเสียชีวิต ควรอธิบายตามความเป็นจริง และเปิดโอกาสให้เด็กได้พูดคุยถึงความรู้สึกต่อเหตุการณ์นั้น รับฟังและให้คำปรึกษาอย่างอบอุ่น
4. สร้างกิจวัตรที่แน่นอน
การมีกิจวัตรประจำวันที่แน่นอนและสม่ำเสมอจะช่วยให้เด็ก ๆ รู้สึกมั่นคงทางจิตใจ เนื่องจากในช่วงเวลาของการสูญเสีย ความรู้สึกปลอดภัยและความแน่นอนจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาผ่อนคลายจากความวิตกกังวล
5. เปิดโอกาสให้เด็กถ่ายทอดอารมณ์ผ่านกิจกรรม
การให้เด็ก ๆ ได้แสดงออกถึงความรู้สึกผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเล่น ศิลปะ หรือการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ จะช่วยให้พวกเขาถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกที่อาจไม่สามารถบอกเล่าเป็นคำพูดได้
การดูแลจิตใจเด็กในช่วงที่เผชิญกับความสูญเสียเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เด็ก ๆ สามารถฟื้นฟูความเข้มแข็งทางอารมณ์และกลับมามีพลังใจในการใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมั่นคง
ขอบคุณข้อมูล สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)