ปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะ ฝุ่นพิษ PM2.5 กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบทั้งทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ฝุ่น PM2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า มีขนาดเพียง 1 ใน 25 ของเส้นผม แต่กลับส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสุขภาพ ด้วยขนาดเล็กมากจนสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและกระแสเลือดได้ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคต่างๆ เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และโรคปอดเรื้อรัง ดังนั้น การป้องกันตัวเองจาก PM2.5 จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
วิธีดูแลและป้องกันตนเองจาก PM2.5
1. สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นทุกครั้งในพื้นที่เสี่ยง
ในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น หรือใกล้โรงงานอุตสาหกรรม ควรสวมหน้ากากอนามัยชนิด N95 หรือหน้ากากที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะ หน้ากากเหล่านี้ช่วยกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กและลดความเสี่ยงต่อระบบทางเดินหายใจ
2. ติดตามค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อย่างสม่ำเสมอ
การตรวจสอบค่าฝุ่นในพื้นที่ที่อยู่อาศัยหรือพื้นที่ที่กำลังจะเดินทางไปเป็นสิ่งสำคัญ สามารถใช้แอปพลิเคชัน เช่น Air4Thai หรือช่องทางข่าวสารต่าง ๆ ที่รายงานคุณภาพอากาศ เพื่อวางแผนกิจกรรมและเตรียมตัวป้องกันมลพิษในแต่ละวัน
3. สังเกตอาการผิดปกของร่างกาย
หากเริ่มมีอาการ เช่น ไอ แน่นหน้าอก วิงเวียนศรีษะ คลื่นไส้ หรืออาการอื่น ๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อป้องกันโรคที่อาจกำเริบหรืออาการรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีโรคประจำตัวควรสังเกตอาการผิดปกติของตนอย่างใกล้ชิดในช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 หนาแน่น
4. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยง
การสร้างนิสัยในการป้องกันตนเองเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการได้รับมลพิษ เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การปิดประตูหน้าต่างเมื่อค่าฝุ่นสูง การใช้เครื่องฟอกอากาศในบ้านเพื่อกรองฝุ่น
5. จำกัดกิจกรรมนอกบ้านในวันที่ค่าฝุ่นสูง
หากค่า PM2.5 อยู่ในระดับสีส้ม (เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ) หรือสีแดง (อันตรายต่อสุขภาพทุกคน) ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง สำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกลางแจ้ง ควรเปลี่ยนมาออกกำลังกายในพื้นที่ปิดแทน
วิธีออกกำลังกายในพื้นที่จำกัด เพื่อหลีกเลี่ยงฝุ่น PM2.5
ขอบคุณข้อมูล สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)