1. ค่ารักษาแพงขึ้นทุกวัน มีแค่ประกันกลุ่มคงไม่เพียงพอ
ปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลในมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้วงเงินคุ้มครองของประกันสุขภาพกลุ่มอาจไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเมื่อต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานานหรือต้องทำการผ่าตัดใหญ่
2. จะลาออกหรือว่างงาน ก็ยังเคลมได้
โดยทั่วไปสวัสดิการสุขภาพที่ได้จากบริษัทมักจะเป็นประกันกลุ่มที่ความคุ้มครองเฉพาะตอนที่เรายังเป็นพนักงานเท่านั้นและจะสิ้นสุดลงเมื่อเราออกจากงาน แต่หากเราทำประกันสุขภาพส่วนบุคคลเพิ่มเอง ก็จะได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง จะลาออกหรือว่างงานก็ยังมีประกันรองรับ
3. คุ้มค่ากว่าการเก็บออมเป็นค่ารักษาเอง
หลายๆ โรคนั้นค่ารักษาแพงกว่าค่าเบี้ยประกันเสียอีก ทำให้เงินเก็บที่เราออมไว้อาจไม่เพียงพอต่อค่ารักษาที่เกิดขึ้นจริง การเลือกทำประกันสุขภาพจะช่วยให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากค่ารักษาพยาบาลที่สูง กรณีป่วยหนักต้องเข้ารับผ่าตัด ป่วยเรื้อรังต้องรักษาตัวเป็นเวลานาน หรือป่วยเป็นโรคร้ายแรงซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้าน
4. ลดหย่อนภาษีได้
เบี้ยประกันสุขภาพสามารถลดหย่อนภาษีได้ตามจริงสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท การทำประกันสุขภาพจึงช่วยประหยัดภาษีที่ต้องจ่ายในแต่ละปี และยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายดด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นไปพร้อมๆ กัน
5. อายุมากขึ้น ยิ่งเสี่ยงโรคมากขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายก็จะเสื่อมสภาพลง และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ มากขึ้น การทำประกันสุขภาพจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการบริหารความเสี่ยงด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพร่างกายที่เสื่อมถอยจากการทำงาน และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในระยะยาว ดังนั้นคนวัยทำงานจึงควรรีบทำประกันสุขภาพตอนที่สุขภาพยังดี อย่ารอจนกว่าจะมีโรคติดตัวแล้วค่อยคิดทำประกันสุขภาพ เพราะประกันจะไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนและอาจส่งผลต่ออัตราเบี้ยฯ ประกันภัยที่สูงขึ้น