บทความ - Tax knowledge

เที่ยวดี มีคืน 2568 — ใช้สิทธิ์ยังไงให้คุ้ม ลดหย่อนภาษีได้เต็ม! | วางแผนเที่ยว-วางแผนภาษีฉบับคนรุ่นใหม่

4 นาที

เที่ยวดีมีคืน 2568 — ใช้สิทธิยังไงให้คุ้ม ลดหย่อนภาษีได้เต็ม!

ช่วงปลายปีแบบนี้ หลายคนเริ่มมองหาทริปเล็ก ๆ เพื่อพักสมองจากงานทั้งปี บางคนอยากหนีกรุงไปนอนโฮมสเตย์กลายหุบเขา บางคนอยากจิบกาแฟริมทะเลให้ลมพัดความเหนื่อยออกไปบ้าง แต่ถ้าทริปนั้น “ช่วยลดหย่อนภาษี” ได้ด้วย ก็นับว่าคุ้มสองต่อเลยใช่ไหม?

เพราะปีนี้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “เที่ยวดีมีคืน 2568”
ที่เน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศช่วงปลายปีนี้พร้อมสิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30,000 บาท
เที่ยวก็ได้พัก ภาษีก็ได้คืน — เรียกได้ว่า ทริปเดียวครบทั้งความสุขและความคุ้ม

เที่ยวดี มีคืน 2568 คืออะไร?

“เที่ยวดีมีคืน 2568” คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวจากภาครัฐ ที่เปิดให้ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในประเทศ มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ในปีถัดไป มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศและกระจายรายได้สู่เมืองรองทั่วไทย

ระยะเวลาในการใช้สิทธิ

ประชาชนทั่วไปเริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 29 ตุลาคม – 15 ธันวาคม 2568 โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่นำมาลดหย่อนได้จะต้องเกิดขึ้นและชำระภายในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น เพื่อนนำไปใช้ลดหย่อนภาษีในปี 2569

เงื่อนไขมาตรการ “เที่ยวดี มีคืน 2568”

สำหรับมาตรการ “เที่ยวดีมีคืน 2568” แบ่งเงื่อนไขออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

1. บุคคลทั่วไป ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาท

ใช้จ่ายค่าที่พักในประเทศ เช่น โรงแรม รีสอร์ต โฮมสเตย์ และ ค่าอาหารแต่ต้องเป็นร้านอาหารที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

เงื่อนไขลดหย่อนภาษี “เที่ยวดีมีคืน 2568”

• เมืองหลัก หักลดหย่อนได้ 1 เท่าของยอดจ่ายจริง สูงสุด 20,000 บาท (เที่ยวเมืองหลักหักภาษีเท่าเมืองรอง 1.5 เท่าของยอดที่จ่ายจริง ดูเพิ่มเติมคลิก)

• เมืองรอง หักลดหย่อนได้ 1.5 เท่าของยอดจ่ายจริง สูงสุด 30,000 บาท

รูปแบบเอกสารใช้สิทธิลดหย่อนภาษี “เที่ยวดีมีคืน 2568”

• ค่าใช้จ่าย 10,000 บาทแรก ใช้ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้ทั้งแบบกระดาษ หรือ e-Tax Invoice

• ส่วนเกิน 10,000 บาท ต้องใช้ใบกำกับแบบ e-Tax Invoice เท่านั้น

ตัวอย่าง

คุณจุ๋ม เป็นพนักงานออฟฟิศ วางแผนเที่ยวเมืองรอง ใช้จ่ายค่าที่พัก 10,000 บาท และค่าอาหาร 5,000 บาท เมื่อนำมาลดหย่อนภาษี จะลดหย่อนได้สูงสุด 22,500 บาทเต็มจำนวน (15,000 x 1.5)

2. บริษัท / ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล

สามารถนำค่าใช้จ่ายในการจัดอบรม สัมมานา หรือศึกษาดูงานภายในประเทศ มาหักรายจ่าย เมืองรอง 2 เท่า และเมืองหลัก 1.5 เท่า เพื่อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

3. ผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท

ได้รับสิทธิ์สนับสนุนด้านการปรับปรุงพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการ

4. ผู้ประกอบกิจการบันเทิง

ได้รับการขยายเวลาลดหย่อนภาษีจาก 10% เป็น 5% ต่อออกไปอีก 1 ปี เพื่อช่วยกระตุ้นกิจกรรมการท่องเที่ยวและนันทนาการ

เมืองหลัก vs เมืองรอง ในมาตรการ “เที่ยวดี มีคืน 2568”

1. กลุ่มเมืองหลัก (Main Cities)

เมืองหลัก คือจังหวัดที่มีฐานการท่องเที่ยวแข็งแรง มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับนักท่องเที่ยวดีอยู่แล้ว
รัฐจึงให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีในอัตรา 1 เท่าของค่าใช้จ่ายจริง สูงสุด 20,000 บาท

ใช้สิทธิ์ได้เฉพาะค่าที่พักและค่าอาหารที่มี ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบหรือ e-Tax Invoice

รายชื่อจังหวัดเมืองหลัก 22 จังหวัด ดังนี้
กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่, เชียงราย, ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี, พังงา, กระบี่, พัทลุง, สงขลา, ตรัง, ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, นครราชสีมา, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, อุดรธานี, นครศรีธรรมราช, สงขลา และพระนครศรีอยุธยา

2. กลุ่มเมืองรอง (Secondary Cities)

เมืองรอง คือจังหวัดที่รัฐต้องการส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น เพื่อกระจายรายได้จากเมืองใหญ่สู่ท้องถิ่น นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเมืองรอง 55 จังหวัด หรือบางอำเภอใน 15 จังหวัดหลัก (เช็กรายชื่ออำเภอเมืองรองได้ที่นี่) จะได้รับสิทธิ์พิเศษ ลดหย่อนได้ 1.5 เท่าของยอดจ่ายจริง สูงสุด 30,000 บาท

ใช้สิทธิ์ได้เฉพาะค่าที่พักและค่าอาหารที่มี ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบหรือ e-Tax Invoice

รายชื่อเมืองรองรวมทั้งหมด 55 จังหวัด แบ่งตามภูมิภาค ดังนี้

ภาคเหนือ 16 จังหวัด

เชียงราย, พิษณุโลก, นครสวรรค์, แม่ฮ่องสอน, น่าน, แพร่, ลำพูน, ลำปาง, พะเยา, ตาก, สุโขทัย, อุตรดิตถ์, เพชรบูรณ์, พิจิตร, กำแพงเพชร, อุทันธานี

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด ได้แก่

อุดรธานี, อุบลราชธานี, หนองคาย, เลย, มุกดาหาร, บุรีรัมย์, ชัยภูมิ, ศรีษะเกษ, สุรินทร์, สกลนคร นครพนม, ร้อยเอ็ด, มหาสารคาม, บึงกาฬ, กาฬสินธุ์, ยโสธร, หนองบัวลำภู และอำนาจเจริญ

ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก 12 จังหวัด ได้แก่

ลพบุรี, สุพรรณบุรี, นครนายก, สระแก้ว, ตราด, จันทบุรี, ราชบุรี, สมุทรสงคราม, ปราจีนบุรี, ชัยนาท, อ่างทอง และสิงห์บุรี

ภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่

นครศรีธรรมราช, พัทลุง, ตรัง, สตูล, ชุมพร, ระนอง, นราธิวาส, ยะลา และปัตตานี

วิธีใช้สิทธิ “เที่ยวดีมีคืน 2568”

1. เลือกจุดหมายปลายทางใประเทศ

• เมืองรอง หักลดหย่อนได้ 1.5 เท่า ไม่เกิน 30,000 บาท

• เมืองหลัก หักลดหย่อนได้ 1 เท่า ไม่เกิน 20,000 บาท

สามารถเลือกได้ทั้งเมืองหลัก และเมืองรอง (แนะนำเมืองรองเพราะลดหย่อนได้ 1.5 เท่า)
ใช้จ่ายท่องเที่ยวและชำระ ระหว่างวันที่ 29 ต.ค. – 15 ธ.ค. 2568 (ต้องมีใบกำกับภาษีทุกครั้ง)

2. ใช้บริการจากผู้ประกอบการที่จด VAT

เช่น โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร หรือโฮมสเตย์ที่สามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้

3. ขอใบกำกับภาษีเต็มรูปทุกครั้ง

สำหรับยอดจ่ายไม่เกิน 10,000 บาท ใช้ใบกำกับภาษีแบบกระดาษได้ หากเกิน 10,000 บาท ต้องใช้ e-Tax Invoice เท่านั้น

4. เก็บหลักฐานการชำระเงินไว้ให้ครบ

ทั้งใบเสร็จ ใบกำกับภาษี และสลิปการโอนเงิน

5. ยื่นภาษีปี 2569 เพื่อลดหย่อน

• ลดหย่อนภาษีประมาณช่วง ก.พ. - มี.ค. 2569

• กรอกเพื่อรับสิทธิลดหย่อนหมวด “ค่าท่องเที่ยวในประเทศ”

• แนบหลักฐานใบกำกับภาษีที่เก็บไว้

เทคนิคใช้สิทธิ “เที่ยวดีมีคืน 2568” ให้คุ้ม

1. เที่ยวเมืองรองก่อนเมืองหลัก ได้สิทธิลดหย่อน 1.5 เท่าของยอดจ่ายจริง สูงสุด 30,000 บาท

2. แยกใบกำกับภาษีตามชื่อผู้จ่าย หากไปเป็นกลุ่ม ให้ชำระแยกจะได้รับสิทธิ์เต็มทุกคน

3. ตรวจสอบที่พักก่อนจอง เลือกที่พักสามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบหรือ e-Tax Invoice ได้เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิลดหย่อน

4. วางแผนใช้สิทธิ์ร่วมกับมาตรการอื่น เช่น “ช้อปดีมีคืน” หรือ “ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี” เพื่อเพิ่มวงเงินลดหย่อน

5. ใช้สิทธิ์ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2568 เท่านั้น  ค่าใช้จ่ายที่เกิดหลังจากนั้นจะนำมาลดหย่อนภาษีไม่ได้

FAQs: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ “เที่ยวดีมีคืน 2568”

Q: ต้องลงทะเบียนก่อนไหม?
A: ไม่ต้องลงทะเบียน ใช้สิทธิ์ได้เลย เพียงขอใบกำกับภาษีให้ถูกต้อง

Q: ใช้สิทธิ์กับตั๋วเครื่องบินหรือค่ารถได้ไหม?
A: ไม่ได้ ใช้ได้เฉพาะค่าที่พักและค่าอาหารจากผู้ประกอบการที่จด VAT เท่านั้น

Q: ร้านอาหารเล็ก ๆ หรือโฮมสเตย์ที่ไม่จด VAT ใช้สิทธิ์ได้ไหม?
A: ไม่ได้ เพราะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบหรือ e-Tax Invoice

Q: ใช้สิทธิ์ได้กี่ครั้ง?
A: ใช้ได้หลายครั้งภายในช่วงเวลามาตรการ รวมยอดใช้จ่ายได้ แต่ไม่เกินวงเงินสูงสุดที่กำหนด

Q: ถ้าไปเที่ยวกับครอบครัว ใครสามารถลดหย่อนภาษีได้บ้าง?
A: ผู้ที่เป็น “เจ้าของใบกำกับภาษี” เท่านั้น จึงสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้

เพิ่มความคุ้มด้วยการทำประกันลดหย่อนภาษี

นอกจากการเที่ยวเพื่อลดหย่อนภาษีแล้ว และอย่าลืมวางแผนภาษีให้รอบด้าน ด้วยการทำประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพก็สามารถนำเบี้ยฯที่จ่ายจริงมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท ดูประกันลดหย่อนภาษีได้ที่นี่

สรุป

“เที่ยวดีมีคืน 2568” คือโอกาสให้คุณพักใจ เที่ยวเมืองรองได้คุ้มค่าเพราะสามารถนำค่าใช่จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้จริงสูงสุด 30,000 บาท และอย่าลืมเช็กสิทธิลดหย่อนภาษี 2568 ที่ใช้ยื่นภาษี เพื่อให้รับสิทธิลดหย่อเต็มจำนวน

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
อ้างอิงข้อมูล : กรมสรรพกร, กระทรวงการคลัง / ข้อมูล ณ วันที่ 12 พ.ย. 68
 
หมายเหตุสำคัญ:
1. การเข้าร่วม: โดยหลักการแล้ว ร้านอาหารและโรงแรม/ที่พักทุกแห่งในประเทศไทยที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) และสามารถออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป (e-Tax Invoice หรือแบบกระดาษ) ได้ ถือว่าเข้าร่วมโครงการโดยไม่ต้องลงทะเบียนโครงการเป็นพิเศษ
2. การตรวจสอบ: วิธีที่ดีที่สุด คือ สอบถามกับร้านอาหารหรือที่พักโดยตรง ก่อนใช้บริการว่าสามารถออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป (ระบุชื่อ-นามสกุล และเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 13 หลักของผู้ใช้สิทธิ์) เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีในโครงการ"เที่ยวดีมีคืน 2568" ได้หรือไม่
 
หมายเหตุ
• เบี้ยประกันภัยสามารถหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
​• ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครอง รวมทั้งข้อยกเว้นไม่คุ้มครองของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง​
• ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์​

ลูกค้าสนใจทำประกันเมื่ออ่านบทความเกี่ยวกับภาษี

error icon
เกิดข้อผิดพลาด โปรดลองอีกครั้ง
info icon
You are inquiring about