สิทธิลดหย่อนภาษี 2568 มีอะไรบ้าง?
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักสิทธิลดหย่อนภาษีพื้นฐานที่ทุกคนควรรู้กันก่อน
ใกล้สิ้นปีแล้ว ถ้าคุณยังไม่ได้เริ่มวางแผนเรื่องภาษี บอกเลยว่าต้องรีบทำความเข้าใจก่อนหมดปี ไม่อย่างนั้นอาจพลาดสิทธิลดหย่อนภาษีไป และต้องเสียภาษีมากกว่าที่ควรจะเป็น มาดูกันว่า สิทธิลดหย่อนภาษีปี 2568 มีอะไรบ้าง? ลดหย่อนด้วยวิธีไหนได้บ้าง? แล้วทำไมหลายคนถึงเลือกใช้ประกันเป็นเครื่องมือในการลดหย่อนภาษี
สิทธิลดหย่อนภาษี 2568 มีอะไรบ้าง?
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักสิทธิลดหย่อนภาษีพื้นฐานที่ทุกคนควรรู้กันก่อน
ข้อดีของการลดหย่อนภาษีด้วยประกัน
นอกจากเป็นทางเลือกที่ง่ายและสะดวก ตอบโจทย์คนที่อยากลดหย่อนภาษีแต่ไม่ถนัดเรื่องการลงทุนแล้ว เหตุผลที่หลายคนเลือกทำประกันก็เพราะมีข้อดีดังนี้
1. ช่วยลดภาระภาษีเงินได้ตามกฎหมาย
การซื้อประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพสามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งช่วยให้คุณจ่ายภาษีน้อยลงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยสามารถลดหย่อนได้สูงสุดถึง 300,000 บาท
2. เป็นการวางแผนการเงินระยะยาว
การซื้อประกันไม่ใช่การลงทุนแต่เป็นการบริหารความเสี่ยงทางการเงินซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีในการวางแผนการเงินระยะยาว เพียงจ่ายเบี้ยฯ เป็นรายเดือนหรือรายปีก็จะได้รับความคุ้มครองตามประกันประเภทนั้น ๆ เช่น ประกันสุขภาพช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาล ประกันสะสมทรัพย์ให้ผลประโยชน์เป็นเงินก้อน ถือเป็นการออมเงินในรูปแบบประกัน ซึ่งจะช่วยให้อุ่นใจได้ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทั้งตัวเราและคนข้างหลังจะยังมีเงินจากประกันช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินและใช้ชีวิตต่อไปได้ วัยทำงานต้องรู้! วิธีวางแผนการเงินด้วยประกันชีวิตและสุขภาพ | AIA Thailand
3. ประกันสุขภาพ
ลดหย่อนภาษีประกันสุขภาพได้ตามเบี้ยฯ ที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท หากซื้อประกันสุขภาพให้พ่อแม่ของตัวเองหรือพ่อแม่ของคู่สมรส ต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษี เงินได้เกิน 30,000 บาท
4. ประกันชีวิตประเภทบำนาญ
ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท และหากไม่ได้ลดหย่อนด้วยประกันชีวิต สามารถลดหย่อนเพิ่มได้อีก 100,000 บาท รวมลดหย่อนได้เต็มขั้นที่ 300,000 บาท แต่เมื่อรวมกับ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) เงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ครู รร.เอกชน แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
เริ่มต้นอย่างไร? เมื่ออยากซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษี
วิธีลดหย่อนภาษีด้วยประกันควรเริ่มจากการคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายเสียก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าปีนี้เราต้องเสียภาษีเท่าไร จากนั้นสำรวจความต้องการของตัวเองว่าประกันแบบไหนจึงจะตอบโจทย์ความต้องการ มากกว่าจะเลือกซื้อจากประกันที่ลดหย่อนภาษีได้มากหรือน้อย
มาดูสูตรคำนวณภาษีและตัวอย่างเพื่อจะได้เห็นภาพมากขึ้น
สำหรับใครที่สงสัยว่าเงินได้เท่านี้ มีอัตราภาษีกี่เปอร์เซ็นต์ คลิก ดูได้เลย
หลังจากคำนวณเงินได้เรียบร้อยและรู้จำนวนภาษีที่ต้องจ่ายแล้วก็ถึงเวลาเลือกซื้อประกัน อย่างที่บอกไปว่าควรเลือกซื้อจากความต้องการของตัวเอง แล้วประกันแบบไหนตรงกับความต้องการแบบใดบ้าง?
1. เป็นเสาหลักของบ้าน มีครอบครัวต้องดูแล
มีคู่ชีวิตหรือพ่อแม่พี่น้องต้องดูแล อยากมีหลักประกันให้คนสำคัญในวันที่เราจากไปแนะนำทำประกันชีวิต
แบบประกันที่แนะนำ: AIA Pay Life Plus (Non Par)
2. อยากมีเงินก้อนไว้ใช้ในอนาคต
ต้องการออมเงินในรูปแบบประกันแต่ไม่ถนัดเรื่องการลงทุน แนะนำทำประกันสะสมทรัพย์ซึ่งช่วยคุ้มครองเงินต้น และไม่เสี่ยงขาดทุนเพราะไม่ใช่การลงทุน ได้รับเงินก้อนเมื่อครบกำหนดสัญญา
แบบประกันที่แนะนำ: AIA Endowment 15/25 (Non Par)
3. อยากได้ตัวช่วยเวลาล้มป่วย
ไม่อยากให้เงินเดือนหรือเงินเก็บหมดไปกับค่ารักษาเวลาเข้าโรงพยาบาล แนะนำทำประกันสุขภาพและ/หรือประกันโรคร้ายแรง โดยประกันทั้ง 2 ประเภทมีข้อดีต่างกันจึงแนะนำว่าควรมีทั้งคู่
แบบประกันที่แนะนำ: AIA Health Happy, AIA Multi-Pay CI Plus
4. ต้องการวางแผนเกษียณ
ไม่อยากลำบากตอนแก่ตัว แนะนำทำประกันบำนาญ เพื่อจะได้มั่นใจว่าหลังรีไทร์ไปแล้วจะยังมีรายรับทุกปี
แบบประกันที่แนะนำ: AIA Annuity Sure
เมื่อเลือกประกันที่ตรงกับความต้องการของตัวเองแล้ว ต่อไปจึงค่อยพิจารณาเบี้ยประกันที่เราจ่ายไหว โดยแนะนำว่าไม่ควรเกิน 10-15% ของรายได้ ตรงนี้เองที่จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับการลดหย่อนภาษี เพราะเราสามารถลดหย่อนได้ตามเบี้ยฯ ที่จ่ายจริง ถ้าทำหลายฉบับก็สามารถนำเบี้ยฯ มารวมกันได้โดยต้องไม่เกินเพดานที่สรรพากรกำหนด เพียงเท่านี้การลดหย่อนภาษีด้วยประกันก็จะคุ้มค่าแล้ว
สรุป
ใครที่ยังไม่ได้วางแผนซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษีปี 2568 อย่าลืมคำนวณภาษีที่ต้องจ่าย เพื่อจะได้วางแผนและซื้อประกันให้ทันก่อนหมดปี โดยแนะนำให้เลือกซื้อประกันที่ความคุ้มครองตอบโจทย์กับความต้องการของเราเอง เพื่อจะได้ได้รับประโยชน์สูงสุดคือได้รับทั้งความคุ้มครองและได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีนั่นเอง