HOW TO ยื่นภาษีฟรีแลนซ์มือใหม่ ใช้อะไรลดหย่อนได้บ้าง?

ฟรีแลนซ์ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง?

คนธรรมดาทั่วไปที่ไม่ใช่นิติบุคคลอย่างเรา ๆ หากมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นภาษี เรียกว่า “ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.)” ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ

ภ.ง.ด.91 = มีรายได้ประจำจากเงินเดือนอย่างเดียว

ภ.ง.ด.90 = มีรายได้ไม่ประจำ หรือมีรายได้จากหลายทาง เช่น งานพิเศษ, การลงทุน, การให้เช่าทรัพย์สิน, หรือมีทั้งเงินเดือน + งานพิเศษ ฯลฯ

ดังนั้นประเภทที่ชาวฟรีแลนซ์ต้องยื่นก็คือ ภ.ง.ด.90 นั่นเอง

โดยสามารถยื่นได้ทั้งแบบกระดาษที่สำนักงานสรรพากร หรือยื่นออนไลน์ที่เว็บไซต์ https://efiling.rd.go.th/rd-cms/ ของกรมสรรพากร แล้วแต่ความสะดวกของเรา

รายได้เท่าไรถึงต้องยื่นภาษีฟรีแลนซ์

 ไม่ใช่ฟรีแลนซ์ทุกคนที่จะต้องเสียภาษี ถ้ามีรายได้สุทธิไม่ถึง 150,000 บาทต่อปีไม่ต้องเสียภาษี แต่หากมีรายได้สุทธิตั้งแต่ 150,001 บาทต่อปีก็จะต้องเสียภาษี แต่ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า “รายได้” กับ “รายได้สุทธิ” ไม่เหมือนกัน

1. รายได้ คือ รายได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น เงินค่าจ้าง เงินจากการลงทุน หรือค่าตอบแทนจากช่องทางอื่น ๆ

2. รายได้สุทธิ คือ รายได้ทั้งหมดที่นำมาหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่าง ๆ แล้ว

โดยทุกปีรัฐบาลจะเป็นผู้กำหนดสิทธิลดหย่อนให้ว่ามีอะไรบ้าง เพื่อช่วยลดภาระในการจ่ายภาษีให้กับประชาชน สามารถตรวจสอบสิทธิลดหย่อนปี 2568 ว่ามีอะไรบ้างได้ที่นี่

ยื่นภาษีฟรีแลนซ์ช่วงเดือนไหนของปี

เราสามารถยื่นภาษีของปีนี้ได้ในช่วงต้นปีของปีถัดไป ซึ่งโดยทั่วไปจะไม่เกินต้นเดือนเมษายน

ยกตัวอย่างเช่น ภาษีของปี พ.ศ. 2568 จะยื่นในช่วงเดือนมกราคม – 8 เมษายน พ.ศ. 2569

ชาวฟรีแลนซ์อย่าลืมติดตามข่าวสารและเช็กวันที่ให้ดี

ยื่นภาษีล่าช้า = ต้องเสียค่าปรับ

ไม่ยื่นภาษี = มีโอกาสที่จะถูกตรวจสอบและให้จ่ายภาษีย้อนหลัง

Tips: เวลารับงาน ถ้ามีการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ เช่น 3% จากงานจ้าง อย่าลืมเก็บเอกสารไว้สำหรับยื่นภาษี เผื่อมีสิทธิ์ได้เงินภาษีคืนด้วย

วิธีลดหย่อนภาษีฟรีแลนซ์

แม้ว่ารัฐบาลจะให้สิทธิลดหย่อนภาษีกับประชาชนหลายอย่าง ไม่ว่าจะลดหย่อนด้วยการลงทุนกับกองทุนบางประเภท, ลดหย่อนด้วยการบริจาค แต่วิธีลดหย่อนภาษีที่แนะนำที่สุดสำหรับคนทำอาชีพอิสระที่ไม่มีสวัสดิการก็คือ การทำประกัน

ทำไมฟรีแลนซ์ควรซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษี?

เหตุผลหลัก ๆ คือ ชาวฟรีแลนซ์ไม่มีสวัสดิการเหมือนพนักงานประจำ

1. ไม่มีสวัสดิการประกันกลุ่มจากบริษัท เมื่อเจ็บป่วยต้องรับภาระค่ารักษาพยาบาลเอง

2. ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)

3. ไม่มีเงินสมทบจากนายจ้าง

การซื้อประกันจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี เพราะเราสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งจะช่วยให้เราจ่ายภาษีน้อยลง และที่สำคัญคือ เราได้ความคุ้มครองทำให้เรามีหลักประกันชีวิตในด้านต่าง ๆ ตามประเภทประกันที่เราเลือก

ประกันที่ลดหย่อนภาษีได้

อ้างอิงข้อมูลจากกรมสรรพากร ปีภาษี 2568 ประกันที่ลดหย่อนภาษีได้มีทั้งหมด 4 ประเภท ดังนี้

1. ประกันชีวิต

ลดหย่อนได้: ตามเบี้ยฯ ที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

(ลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันชีวิตคู่สมรสที่ไม่มีรายได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท)

2. ประกันชีวิตประเภทสะสมทรัพย์

ลดหย่อนได้: ตามเบี้ยฯ ที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

3. ประกันสุขภาพ

ลดหย่อนได้:

• ซื้อให้ตัวเองลดหย่อนภาษีได้ตามเบี้ยฯ ที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท

• ซื้อให้พ่อแม่ของตัวเองหรือพ่อแม่ของคู่สมรส ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 15,000 บาท โดยพ่อแม่ต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษี เงินได้เกิน 30,000 บาท

4. ประกันชีวิตประเภทบำนาญ

ลดหย่อนได้: ตามเบี้ยฯ ที่จ่ายจริง ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี หากไม่ได้ลดหย่อนด้วยประกันชีวิต สามารถลดหย่อนเพิ่มได้อีก 100,000 บาท รวมสูงสุด 300,000 บาท

แต่เมื่อรวมกับ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) เงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ครู รร.เอกชน แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท

วิธีคำนวณภาษีฟรีแลนซ์แบบเข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่าง

ผู้เสียภาษี ภ.ง.ด. ไม่ว่าจะ 90 หรือ 91 ต้องเสียภาษีตามอัตราก้าวหน้าหรือที่เรียกกันว่า “เสียภาษีแบบขั้นบันไดตั้งแต่ 5% - 35%” โดยอัตราภาษีแบ่งเป็นขั้น ๆ ตามรายได้สุทธิ ยิ่งมีรายได้มากก็ต้องเสียภาษีมาก

วิธีคำนวณรายได้สุทธิและคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายมีดังนี้

ตัวอย่างการคำนวณรายได้สุทธิ

มินนี่ สถานะโสด ไม่มีลูก ไม่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ ประกอบอาชีพอิสระ มีรายได้จากการเป็น content creator, ทำ link affiliate และสอนพิเศษรวมแล้วปีละ 600,000 บาท ทำประกันสังคมมาตรา 39

สรุปแล้วมินนี่ต้องจ่ายภาษีทั้งหมด 20,981.60 บาท ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อย สำหรับบางคนแล้วนี่คือเงินเดือนเดือนหนึ่งเลย

แต่รู้ไหมว่าชาวฟรีแลนซ์สามารถจ่ายภาษีน้อยลงกว่านี้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพียงแค่ลดหย่อนภาษีด้วยประกัน!

สูตรลัด! วิธีคำนวณว่าซื้อประกันอะไร ลดหย่อนภาษีได้เท่าไร

หลังจากซื้อประกันลดหย่อนภาษีแล้ว ชาวฟรีแลนซ์สามารถนำเบี้ยฯ รายปีที่จ่ายมาหักค่าลดหย่อนประกันได้ เมื่อรายได้สุทธิลดลง ภาษีที่ต้องจ่ายก็จะน้อยลงไปด้วย

หากอยากรู้ว่าซื้อประกันอะไร ลดหย่อนภาษีได้กี่บาท วิธีคำนวณง่าย ๆ คือ

เบี้ยประกัน x ฐานภาษีของเรา = ภาษีที่ได้ลดหย่อนจากประกัน

ยกตัวอย่างด้วยมินนี่คนเดิม มินนี่มีรายได้สุทธิ 434,816 บาท ฐานภาษี 10% เพราะฉะนั้นถ้ามินนี่ทำประกันสุขภาพเบี้ยฯ 25,000 บาท ก็จะลดหย่อนภาษีได้ 25,000 x 10% = 2,500 บาท เท่ากับมินนี่จะเสียภาษีน้อยลง เหลือเพียง 20,981.60 - 2,500 = 18,481.60 บาท

เลือกประกันให้ตรงโจทย์ ได้ทั้งลดหย่อน ได้ทั้งความคุ้มครอง

อยากลดหย่อนภาษีด้วยประกัน แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการเลือกประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการของตัวผู้ซื้อ เช่น

1. มีครอบครัวต้องดูแล เป็นเสาหลักของบ้าน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเราแล้วคนข้างหลังจะลำบาก ทำประกันชีวิตเพื่อสร้างหลักประกันให้คนที่รัก

แนะนำประกันชีวิต AIA Pay Life Plus (Non Par)

2. อยากมีเงินก้อนใหญ่ไว้ใช้ในอนาคต ทำประกันสะสมทรัพย์ซึ่งเป็นการออมในรูปแบบประกัน

แนะนำประกันสะสมทรัพย์ AIA Endowment 15/25 (Non Par)

3. ยังไม่มีสวัสดิการด้านสุขภาพ คิดว่าสิทธิประกันสังคมหรือสิทธิบัตรทองยังไม่ตอบโจทย์เรื่องความรวดเร็วและความสะดวกสบาย ทำประกันสุขภาพเพื่อช่วยเซฟค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและช่วยเพิ่มตัวเลือกในการรักษา

แนะนำประกันประกันสุขภาพ AIA Health Happy

หรือเพิ่มสภาพคล่องการทางเงินกรณีล้มป่วยด้วยโรคร้ายแรง ด้วยประกันโรคร้ายแรง

ขอแนะนำ AIA Multi-Pay CI Plus

4. อยากสร้างเงินบำนาญให้ตัวเอง จะได้มีเงินรายปีไว้ใช้หลังเกษียณแล้ว ทำประกันบำนาญ ปูทางเผื่ออนาคต สร้าง passive income ให้ตัวเองในวันข้างหน้าที่เราไม่ได้ทำงานแล้ว

แนะนำประกันบำนาญ AIA Annuity Sure

ประกันต่าง ๆ จะมีแผนให้เลือกซื้อตามงบประมาณและความต้องการของเรา หากชาวฟรีแลนซ์ซื้ออย่างใดอย่างหนึ่งแล้วยังลดหย่อนได้ไม่มากพอก็สามารถซื้อมากกว่าหนึ่งกรมธรรม์ เช่น ซื้อประกันสะสมทรัพย์หลายฉบับ หรือซื้อทั้งประกันสุขภาพและประกันสะสมทรัพย์แล้วนำเบี้ยฯ มารวมกันได้ โดยจะลดหย่อนได้ตามเพดานที่สรรพากรกำหนด เพียงเท่านี้ก็จะได้รับความคุ้มครองของประกันนั้น ๆ ด้วย แถมยังไม่ต้องจ่ายภาษีเยอะจนน่าใจหายด้วย

ภาษีเป็นเรื่องที่วางแผนได้ และยิ่งเริ่มเร็วเท่าไร ยิ่งช่วยให้คุณเก็บเงินได้มากขึ้น

และนี่ก็คือเรื่องเกี่ยวกับการยื่นภาษีฟรีแลนซ์ที่ควรต้องรู้ไว้เพื่อเตรียมการล่วงหน้า ช่วงนี้ก็ปลายปีแล้ว อย่าลืมรีบวางแผนภาษี เลือกซื้อและสมัครประกันให้ทันก่อนจะหมดปี เพื่อที่จะได้เซฟภาษีที่ต้องจ่าย ไม่ให้การทำงานหนักตลอดปีที่ผ่านมาต้องเสียเปล่า

ขอให้ชาวฟรีแลนซ์โชคดี ได้ทั้งลดหย่อนภาษี ได้ทั้งความคุ้มครองดี ๆ กันทุกคน