เมื่อพูดถึงประกันสุขภาพ สำหรับใครที่ยังไม่เคยทำมาก่อนอาจจะเจอกับปัญหาว่า ไม่รู้ว่าจะเลือกทำประกันตัวไหนดี ถึงจะคุ้มค่าและครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงยามเจ็บป่วย ซึ่งวิธีการทำประกันสุขภาพให้ได้รับความคุ้มครองอย่างครอบคลุม ที่ทาง AIA แนะนำ คือ การเลือกทำ “ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย” คู่กับ “ประกันโรคร้ายแรง” เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกการเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้น เรามาดูกันว่าการมีประกันทั้งสองแบบนี้ต่างกันอย่างไร แล้วการมีทั้งประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายและประกันโรคร้ายแรงคู่กันดีกว่าอย่างไร
ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย คุ้มครองครอบคลุม สะดวก ไม่ซับซ้อน รองรับค่ารักษาที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล
ประกันสุขภาพแบบแรกที่แนะนำให้ทุกคนมี คือ "ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย" เนื่องจากประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจะให้วงเงินในการเคลมค่อนข้างสูงตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้าน ช่วยเหมาจ่ายค่ารักษาให้หลายรายการ อาจมีการจำกัดวงเงินเพียงบางรายการเท่านั้น ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ที่เลือก รูปแบบการจ่ายผลประโยชน์จึงเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ใช้งานง่าย เข้าโรงพยาบาลแต่ละครั้งก็สะดวกสบาย ไม่ต้องสำรองจ่าย
ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจึงเป็นประกันที่ทุกคนควรมีไว้ เพราะเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าการเจ็บป่วยในแต่ละครั้งจะเป็นโรคอะไร มีค่าใช้จ่ายเท่าไร แล้วยิ่งเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีทางการเแพทย์พัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้ค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น การมีหลักประกันสุขภาพที่ครอบคลุมเผื่อไว้เป็นจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการเข้าโรงพยาบาลแต่ละครั้งจะมีเบาะรองรับภาระค่าใช้จ่ายให้เราได้
ประกันโรคร้ายแรง ค่าเบี้ยฯ ต่ำ ความคุ้มครองสูง อีกหนึ่งสัญญาเพิ่มเติมที่ทุกคนต้องมี
นอกจากประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายที่ทุกคนต้องมีติดตัวไว้แล้ว ประกันอีกหนึ่งประเภทที่ควรมีคู่กันไว้เสมอก็ คือ "ประกันโรคร้ายแรง”
เพราะ การจ่ายเงินของประกันโรคร้ายแรงจะแตกต่างจากประกันสุขภาพเหมาจ่าย โดยหากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรง ทางบริษัทประกันจะ จ่ายเงินก้อน ให้แก่ผู้เอาประกันโดยตรง ซึ่งเราสามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้เอง
เนื่องจากหากได้รับการวินิฉัยว่าป่วยเป็นโรคร้ายแรงเเล้ว ทั้งการทำงาน อาหารการกิน ความถี่ในการเข้า-ออกโรงพยาบาล ไปจนถึงคนรอบตัวที่ต้องมาดูแลอย่างใกล้ชิด ก็ต้องเปลี่ยนไปทั้งหมด และอาจไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมือนเดิม รายจ่ายจึงไม่ได้มีแค่ค่ารักษาตัวในโรงพยาบาลเท่านั้น ดังนั้นในวันที่เกิดวิกฤติขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว การมีเงินก้อนจากประกันโรคร้ายแรงติดตัวจึงเป็นกำลังเสริมสำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้การเงินติดขัดได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นไม่ว่าจะเอาเงินก้อนนี้ไปสำรองจ่ายค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันในช่วงที่พักฟื้น เอาไว้เป็นค่ากายภาพบำบัดและฟื้นฟูตัวเองหลังการรักษา หรือจะนำไปใช้หมุนจ่ายค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในบ้านที่จำเป็น เช่น การผ่อนรถ ผ่อนบ้าน หรือการจ่ายค่าเทอมลูกก็สามารถทำได้ ซึ่งต่างจากประกันสุขภาพที่จะครอบคลุมเพียงค่ารักษาที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลเท่านั้น
อีกทั้งค่าเบี้ยประกันโรคร้ายแรงก็ไม่แพงเมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับ จึงสามารถเข้าถึงได้ง่าย และสามารถเลือกซื้อแผนประกันที่เหมาะสมกับงบประมาณที่จำกัดได้ การซื้อประกันโรคร้ายแรงติดปลายนวมไว้จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับความเสี่ยงทางการเงินที่เราจะได้รับหากป่วยเป็นโรคร้ายแรง