2. ทำบัญชีรายรับรายจ่าย

ถ้าเป็นยุคนี้ก็อาจใช้แอปพลิเคชันที่ช่วยบันทึกค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน เพื่อให้เรารู้ว่า หลังจากหักเงินที่ต้องออมแล้ว เงินที่เหลือเราจะเอาไปใช้จ่ายได้มากน้อยแค่ไหน ตอนนี้เหลืองบไว้ใช้จ่ายเท่าไหร่ จะได้ไม่ใช้จ่ายเกินตัว

3. ตั้งเป้าหมายทางการเงินและตรวจสอบสถานะทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ

การตั้งเป้าหมายการเงิน จะช่วยให้เราตระหนักว่า ในอนาคตเราต้องเตรียมเงินกับเรื่องที่สำคัญเรื่องใดบ้าง เช่น การมีเงินเกษียณ เตรียมเงินทำธุรกิจ หรือเตรียมเงินค่าเล่าเรียนบุตรในอนาคต เมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน ว่าต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ และต้องใช้เงินเมื่อไหร่ เราก็มีความชัดเจน และมีเหตุผลที่หนักแน่นในการเก็บออมมากขึ้น ที่สำคัญ เราก็ควรหมั่นตรวจสอบสถานะทางการเงิน สำรวจมูลค่าเงินออม ทรัพย์สิน และหนี้สินที่มีอยู่เป็นระยะ เพื่อให้ตระหนักอยู่เสมอว่าเราเข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งไว้มากน้อยแค่ไหน

“การทำประกัน” ก็ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยสร้างวินัยทางการเงิน และป้องกันความเสี่ยงไม่ให้เงินเก็บรั่วไหลได้ อีกทั้งเราต้องไม่ลืมว่า อาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ เช่น เจ็บป่วยหนัก หรือเป็นโรคร้ายแรง ก็อาจทำให้เราต้องสูญเสียเงินที่อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบมาด้วยความยากลำบาก ไปกับค่ารักษาพยาบาล จนทำให้ความฝันต้องพังทลายลง ก็เป็นได้

เรามาดูกันว่า มีรูปแบบประกันใดที่ช่วยให้ฝันเราเป็นจริงบ้าง  ตัวอย่างเช่น